New Normal คืออะไร คำนี้เราจะเริ่มได้ยินมากขึ้น หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในเวลานี้ กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต ไปจนถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และจะส่งผลต่อรูปแบบการทำงาน การทำธุรกิจ การติดต่อสื่อสาร การเรียนการสอน ทัศนคติ วิสัยทัศน์ ทั้งหมดของผู้คนด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี่จึงทำให้เกิดคำเรียกใหม่ว่า New Normal หรือ ความปกติในรูปแบบใหม่ ที่หมายความถึง พฤติกรรมของผู้คนในสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปหลังจากเกิดเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก็เช่น การปรับตัวมาใช้งานออนไลน์ทดแทนในหลายด้านมากขึ้น เป็นต้น
มาลองดูว่า เราจะปรับเปลี่ยนแนวทางในการวางแผนชีวิตและการลงทุนในอนาคตอย่างไรได้บ้าง
1. เกือบทุกธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
ในภาวะ New Normal หลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น การผลิตสินค้าที่ส่วนประกอบต้องมาจากหลายประเทศตามสิ่งที่ประเทศนั้นมีวัตถุดิบหรือเป็นผู้ผลิตเอง
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ COVID-19 ทำให้มีการปิดประเทศ ส่งผลให้วัตถุดิบบางอย่างเริ่มขาดแคลน ดังนั้นทางออกคือ หลายบริษัทจะเริ่มเน้นการหันกลับมาใช้ทรัพยากรหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศ และจะเริ่มเน้นการผลิตสำหรับใช้ในประเทศกันมากขึ้น แทนที่การส่งออก หรือก็คือให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเองมากขึ้นหลังจากนี้
2. Work from home และ Learn from home
สองสิ่งนี้จะเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติ มีการพูดถึงพฤติกรรมมนุษย์ว่า หากมีการทำอะไรซ้ำๆต่อเนื่องกันเป็นเวลา 21 วัน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์ให้เคยชินกับเรื่องนั้น ซึ่งการทำงานและเรียนจากออนไลน์ที่บ้านจะเริ่มแสดงให้เห็นว่า มันสามารถทำได้จริงๆ และในบางบริษัทหรือบางองค์กร ในบางตำแหน่งงาน นี่อาจจะส่งผลที่ดีกว่าก็ได้
3. รูปแบบการติดต่อธุรกิจ
ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ แม้แต่การจับมือทักทาย ก็จะเปลี่ยนไป แล้วหลังจากไวรัสเบาบางลง การเดินทางด้วยสายการบินเพื่อเจรจาติดต่อธุรกิจจะเริ่มลำความสำคัญลง เพราะตอนนี้หลายฝ่ายเล็งเห็นแล้วว่าเราติดต่อสามารถใช้วีดีโอออนไลน์ หรือประชุมออนไลน์ทดแทนได้
แล้วยังรวมถึงรูปแบบของ การสัมนา เสวนา จัดงานประชุม ที่ผู้คนต้องเข้าไปอยู่ในห้องประชุมก็อาจจะมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัด
4. การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางอุตสาหกรรม
กลุ่มธุรกิจและโครงสร้างทางอุตสาหกรรมจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่ระดับการดูแลลูกจ้าง คนงาน สวัสดิการ และการจัดระบบควบคุมดูแลลูกจ้าง
นอกจากนี้อาจจะทำให้บางอุตสาหกรรมต้องถึงขนาดเปลี่ยนรูปแบบไปเลยก็ได้
5. พฤติกรรมผู้บริโภค
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การระบาดของ COVID-19 ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อทัศนคติของผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกันทางกายภาพ การสื่อสาร กระทั่งการจับมือ การดูแลสุขภาพ เรียกว่าเปลี่ยนระดับรากไปเลย
ดังนั้นพฤติกรรมของผู้บริโภคก็จะเปลี่ยนไปด้วย ไม่ใช่แค่ช่องทางบริการ ช่องทางซื้อขายสินค้า แต่จนถึงระดับเปลี่ยนวิธีการประทานอาหาร
6. ธุรกิจท่องเที่ยว และบริการ
ในส่วนของธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อการอยู่รอดในระยะยาว นั่นเพราะผู้คนจะปรับเปลี่ยนวิธีการใช้เงินที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่จำเป็นและประหยัดมากขึ้น ใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งจะส่งผลต่องบดุลและการประเมินมูลค่าธุรกิจในภาพรวม
ไม่แน่ว่าต่อไปรูปแบบการท่องเที่ยวก็อาจจะเปลี่ยนไปอีก
7. อีคอมเมิร์ซ กำลังเข้ามาทดแทนเต็มรูปแบบ
ที่จริงหลายฝ่ายก็คาดการณ์ว่ามันต้องข้ามาทดแทนระบบค้าปลีกแบบเก่า เพียงแต่จากโควิด19 เลยเหมือนการบังคับให้ต้องปรับตัวมากับรูปแบบนี้อย่างจริงจัง รวมถึงการส่งสินค้า Delivery จะกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักต่อจากนี้อีกหลายปี
8. คอนเท้นต์ สตรีมมิ่ง บนออนไลน์
ตอนนี้ผู้คนก็เสพเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่จากการกักตัว ก็ทำให้นี่กลายเป็นรูปแบบการเสพข้อมูลข่าวสาร ความบันเทิง ทดแทนรูปแบบอนาล็อค
9. การจับโอกาสใหม่
หลายฝ่ายเริ่มค้นหาโอกาสในวิกฤติ หลังจาก COVID-19 ตัวอย่างเช่น การที่มีหลายบริษัทหรือสถาบันการสอนปรับรูปแบบของตนเองบนออนไลน์อย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะใช้ โปรแกรม Zoom หรือ FaceTime รวมถึงหลายธุรกิจจะมีการยืดหยุ่นในด้านนี้มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ธุรกิจในกลุ่ม สุขภาพ ก็จะได้รับความสำคัญอย่างยิ่งมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
สรุปในภาพรวม เพราะสถานการณ์ COVID-19 นี้เองที่เป็นจุดตั้งต้นให้ผู้บริโภคจะเคลื่อนย้ายไปสู่พฤติกรรมใหม่ หรือ New Normal ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการติดต่อหรือรับรู้ข่าวสารต่างๆ หลายธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวในระยะยาว แต่ก็อาจจะกลายเป็นโอกาสท่ามกลางวิกฤตก็ได้ ซึ่งช่องทางอีคอมเมิร์ซ ก็จะเป็นหนึ่งในทางออกสำคัญที่ไม่ทำตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว
ขอบคุณบทความจาก: marketingoops